ในช่วงนี้เจ้าของธุรกิจที่ได้คลุกคลีอยู่ในแวดวงของธุรกิจ E-Commerce คงจะคุ้นหูกับชื่อ CPAS หรือ Collaborative Ads กันอยู่ไม่น้อย เพราะตัว Collaborative Ads นี้คือการทำโฆษณารูปแบบใหม่จาก Facebook ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยลดความสลับซับซ้อนในการซื้อสินค้าออนไลน์ลง และช่วยผลักดันให้ธุรกิจที่ไม่มีเว็บไซต์ E-Commerce เป็นของตัวเองสามารถสร้างยอดขายและเติบโตบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้
สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า CPAS คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร และเหมาะกับธุรกิจของตัวเองหรือไม่ มาทำความรู้จัก CPAS ไปพร้อมกับเรา Go Online เลยค่ะ
CPAS หรือ Collaborative Ads คืออะไร ?
CPAS ย่อมาจากคำว่า Collaborative Performance Advertising Solution หรือที่ทาง Facebook ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Collaborative Ads คืออีกหนึ่งรูปแบบการโฆษณาผ่านทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมอย่าง Facebook ที่เจ้าของธุรกิจสามารถสร้างแคมเปญโฆษณาให้กับสินค้าของตัวเองที่วางขายอยู่บนช่องทาง E-Marketplace เช่น Lazada และ Shopee ได้ในรูปแบบของการสร้างโฆษณาแบบ Dynamic Ads หรือ โฆษณาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามความต้องการของลูกค้าอยู่ตลอดเวลา โดยที่ระบบจะวิเคราะห์และคัดกรองข้อมูลของลูกค้าจากพฤติกรรมการเลือกชมสินค้าบนเว็บไซด์และเลือกแสดงผลโฆษณาให้แบบอัตโนมัติ
โดยปกติแล้วทาง E-Marketplace มักจะมีการลงโฆษณาในรูปแบบ Performance Marketing Campaign หรือแคมเปญที่เน้นให้เกิด Conversion ซึ่งในกรณีนี้ก็คือการเพิ่มสินค้าลงในตะกร้าหรือการชำระเงินอยู่ก่อนแล้ว การทำโฆษณาแบบ Collaborative Ads จึงเป็นการที่เจ้าของแบรนด์จ่ายค่าโฆษณาสินค้าเพื่อให้คนเข้าชมเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของ E-Marketplace เพื่อสร้าง Conversion ในรูปแบบที่ต่างกันออกไป
หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจแบบง่าย ๆ ก็คือ CPAS เป็นระบบโฆษณาที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันระหว่างเจ้าของธุรกิจและเว็บไซต์ E-Commerce ที่ต่างฝ่ายต่างก็ได้ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งคู่นั่นเอง
Collaborative Ads ทำงานอย่างไร ?
ลักษณะของการทำงานของ Collaborative Ads คือการให้แพลตฟอร์ม E-Commerce ที่เป็นพาร์ตเนอร์กับ Facebook ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยมีอยู่ 7 ราย ได้แก่ Lazada, Shopee, JD Central, Power Buy, Top Market, Supersport และ Robinson Online ทำการสร้าง Catalog ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน Data Source ที่สำคัญของ Facebook เอาไว้ ก่อนจะทำการส่งต่อ Catalog ที่ได้มีการจัดแยกหมวดหมู่สินค้าของแต่ละแบรนด์เอาไว้เรียบร้อยแล้วให้กับเจ้าของธุรกิจได้นำไปตั้งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่สนใจในสินค้าและมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้านั้น ๆ แล้วทำการยิงโฆษณาได้ในทันทีโดยที่ไม่จำเป็นจะต้องห่วงเรื่องการจัดการ Pixel Code หรือ Catalog ใด ๆ อีก เพราะว่าทางแพลตฟอร์ม E-Commerce ได้จัดการมาให้แบบพร้อมใช้งานเรียบร้อยแล้ว
ธุรกิจไหนเหมาะกับโฆษณาแบบ Collaborative Ads ?
แม้ว่า CPAS จะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถสร้างยอดขายและเติบโตบนตลาดออนไลน์ได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกธุรกิจที่จะสามารถใช้งานโฆษณารูปแบบนี้ได้ เนื่องจากการทำโฆษณาแบบ Collaborative Ads จำเป็นจะต้องทำการขอความร่วมมือจาก Marketplace ต่าง ๆ ที่เป็นพาร์ตเนอร์กับทาง Facebook ในการตรวจสอบว่าสินค้าที่ขายเป็นประเภทไหน ผิดนโยบายของ Facebook หรือไม่ แบรนด์เป็นที่รู้จักหรือน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน รวมถึงต้องดำเนินการขอ Catalog ของสินค้ามาเพื่อใช้สำหรับการทำแคมเปญโฆษณา
ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวค่อนข้างจะมีความยุ่งยากและซับซ้อนมากพอสมควรเนื่องจากต้องทำงานกับ Marketplace โดยตรง แบรนด์หรือธุรกิจที่ทำโฆษณาในรูปแบบนี้จึงมักจะเป็นธุรกิจที่ยังไม่มีช่องทาง E-Commerce ของตัวเอง แต่มีสินค้าวางจำหน่ายอยู่บน E-Marketplace อย่าง Shopee หรือ Lazada อยู่ก่อนแล้ว และต้องการสร้างยอดขาย รายได้ รวมถึง Brand Awareness ให้กับธุรกิจ E-Commerce ของตัวเอง จึงมักว่าจ้าง Digital Agency ที่มีความเชี่ยวชาญให้เป็นผู้จัดการดำเนินการให้ทั้งหมด หรือไม่ก็มักจะมีทีม Marketing In House ที่มีประสบการณ์ในด้านนี้อยู่ก่อนแล้วคอยจัดการให้นั่นเอง

ทำไมธุรกิจถึงควรทำโฆษณาแบบ Collaborative Ads ?
1. ทำให้ยอดขายและรายได้เพิ่มขึ้น
หนึ่งในข้อดีของการทำโฆษณาในรูปแบบ CPAS คือการเพิ่มยอดขายและสร้างรายได้ให้กับธุรกิจได้มากขึ้น เนื่องจากการทำโฆษณาแบบ Dynamic Ads สามารถตั้งค่าไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจสินค้า หรือมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้านั้นจริง ๆ เพื่อช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเห็นแบรนด์ของเราและสร้างโอกาสในการขายสินค้าได้มากขึ้น อีกหนึ่งข้อดีคือเมื่อลูกค้ากดเข้าชมสินค้าบนโฆษณาของ Facebook ระบบก็จะทำการเชื่อมโยงลูกค้าไปสู่หน้าร้านค้าบน Shopee หรือ Lazada ได้ในทันที ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
2. เพิ่มประสิทธิภาพให้การทำ Retargeting
โดยปกติแล้วเจ้าของธุรกิจจะไม่สามารถติดตั้ง Pixel Code ลงบนแพลตฟอร์ม E-Commerce ได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้เราไม่สามารถรู้ข้อมูลของคนที่เคยเข้ามาดูสินค้าบนหน้าร้านของเราได้เลยว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นใครและมาจากไหนบ้าง แต่การทำโฆษณาแบบ Collaborative Ads นั้นจะช่วยเปิดโอกาสให้เจ้าของธุรกิจสามารถทำโฆษณาเพื่อดึงดูดความสนใจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น คนที่เคยเข้ามาดูสินค้า, คนที่ได้กดเพิ่มสินค้าเอาไว้บนตระกร้าแล้วแต่ยังไม่กดชำระเงิน รวมไปถึงการเลือกทำแคมเปญโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายตามช่วงเวลา ยกตัวอย่างเช่น การทำโฆษณาถึงคนที่เคยกดเพิ่มสินค้าเมื่อช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ก็สามารถทำได้เช่นกัน
3. สร้างธุรกิจให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
อย่างที่ทราบกันดีว่า Facebook เป็นแพลตฟอร์ม Social Media ที่มีผู้ใช้งานมากเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย การทำโฆษณาบน Facebook ในรูปแบบ Collaborative Ads จึงช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถมั่นใจได้เลยว่า นอกจากการทำโฆษณาจะช่วยนำเสนอสินค้าและบริการให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังช่วยสร้างยอดขาย รวมไปถึงสร้าง Brand Awareness ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสให้คนที่พบเห็นโฆษณาเหล่านี้กลายมาเป็นลูกค้าของเราได้ในอนาคตด้วยค่ะ
สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าการทำโฆษณาบน Facebook ดีอย่างไร และทำไมถึงควรทำ สามารถอ่านเพิ่มได้ ที่นี่ เลยค่ะ
4. สามารถวัดผลได้
การทำโฆษณา Collaborative Ads สามารถวัดผลในเชิงลึกอย่าง Conversion ได้ว่าบนร้านค้าของเรานั้น มีคนกดเพิ่มสินค้าลงบนตะกร้ามากน้อยแค่ไหน และมียอดขาดสินค้าเท่าไหร่ในแต่ละวัน รวมถึงยังสามารถวัดผลแบบ ROAS (Return on ad spend) ได้ ซึ่งช่วยให้เราสามารถประมาณการค่าใช้จ่ายแบบคร่าว ๆ ได้ว่าค่าโฆษณาที่เราจ่ายไปนั้นสร้างยอดขายให้เราเท่าไหร่ และคุ้มค่ากับการทำโฆษณาต่อไปหรือไม่ ซึ่งถ้าหากว่าเราไม่ทำโฆษณาแบบ Collaborative Ads เราก็จะสามารถวัดผลสำเร็จการโฆษณาได้แบบคร่าว ๆ ผ่านยอดคลิก หรือ CPC เท่านั้น แต่ไม่สามารถทราบได้เลยว่าโฆษณาจากทาง Facebook Ads ที่ได้ทำไปแท้จริงแล้วมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน
ในปัจจุบัน ธุรกิจ E-Commerce ในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้นไปอีกในอนาคต การทำโฆษณาในรูปแบบ Collaborative Ads จึงเป็นช่องทางใหม่สำหรับการทำการตลาดบนช่องทางออนไลน์ที่ถือเป็นความท้าทายและมีความสำคัญสำหรับธุรกิจที่ไม่มีเว็บไซต์ E-Commerce เป็นของตัวเองแต่ต้องการจะเติบโตจากบนแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นอย่างมาก
สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านไหนที่สนใจการทำโฆษณาในรูปแบบ CPAS และต้องการผู้เชี่ยวชาญในด้านการทำการตลาดออนไลน์มาช่วยวางแผนและช่วยดำเนินการทำโฆษณาให้ ก็สามารถติดต่อเข้ามาที่ Go Online ได้เลยนะคะ เรามีทีมงานมากประสบการณ์ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถสร้างรายได้และเติบโตขึ้นได้อย่างแน่นอนค่ะ