ในยุคปัจจุบันที่โลกออนไลน์ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิต ทุกคนมีช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นของตนเอง และก่อนจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่างก็จะต้องค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต จึงทำให้ชีวิตประจำวันถูกเชื่อมโยงเข้ากับโลกออนไลน์อย่างกลมกลืน โดยที่ไม่ได้คาดคิดว่าสิ่งต่าง ๆ ที่คุณทำบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการเสิร์ชหาข้อมูล การคอมเมนต์ การโพสต์คอนเทนต์ต่าง ๆ บนโซเชียล ได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ และแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ โปรแกรมเมอร์ หรือแม้แต่บุคคลคนทั่วไปก็สามารถรู้ข้อมูลพฤติกรรมการท่องโลกออนไลน์ของคุณได้ โดยสิ่งเหล่านี้ถูกเรียกว่า Digital Footprint หรือ “รอยเท้าดิจิทัล” ซึ่งเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินคำนี้ แต่อาจจะยังไม่เข้าใจว่า Digital Footprint คืออะไร มีข้อดีข้อเสียและส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง ดังนั้นเราจะมาอธิบายให้ทุกคนได้ทราบกัน
Digital Footprint คืออะไร
Digital Footprint คือ ข้อมูลการใช้งานทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกอินเทอร์เน็ตที่คุณได้เคยทิ้งไว้ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เช่น การโพสต์สิ่งต่าง ๆ การซื้อสินค้าออนไลน์ การใช้งานแอปพลิเคชัน รวมทั้งประวัติในการค้นหาต่าง ๆ จำนวนการคลิก และเวลาที่คุณใช้บนเว็บไซต์ ข้อมูลรายละเอียดและทุกพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตเหล่านี้จะถูกบันทึก และถูกขุดคุ้ยโดยบุคคลอื่นได้ เปรียบเสมือนรอยเท้าของคุณบนโลกออนไลน์ที่ไม่เคยจางหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นแบรนด์หรือธุรกิจ สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่เผยตัวตน สะท้อนทัศนคติของแบรนด์ ในแบบที่คุณไม่สามารถปกปิดหรือควบคุมได้ จึงเป็นที่มาของชื่อ Digital Footprint ที่เรามักจะเรียกว่า “รอยเท้า” หรือ “ร่องรอยดิจิทัล” นั่นเอง
ตัวอย่าง Digital Footprint
เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจกันมากขึ้นว่า Digital Footprint มีอะไรบ้าง มาดูตัวอย่าง ที่เรามักจะพบเห็นและเคยทำกันบ่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งต้องบอกเลยว่าล้วนเป็นสิ่งใกล้ตัวและทุกคนที่ชื่นชอบในการใช้อินเทอร์เน็ตต้องเคยทิ้งรอยเท้าของตัวเองไว้บนโลกดิจิทัลผ่านพฤติกรรมเหล่านี้อย่างแน่นอน
สเตตัสบน Social Media การกดไลก์เพจ แชร์โพสต์ และคอมเมนต์
การโพสต์สิ่งต่าง ๆ บน Social Media อาจจะกลายเป็นดาบสองคม ที่ทำให้เกิดผลดีและผลร้ายได้พอ ๆ กัน ยกตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้งานหรือแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งได้โพสต์คอนเทนต์ลงโซเชียลมีเดียแบบไม่ระมัดระวัง มีการพาดพิงจนอาจทำให้ผู้อื่นเสียหาย หรือคอมเมนต์ถ้อยคำรุนแรง และแชร์โพสต์ที่สะท้อนถึงทัศนคติในแง่ลบ ก็อาจจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ขององค์กรและแบรนด์ได้
การสมัครสมาชิกบนเว็บไซต์ต่าง ๆ
การสมัครสมาชิกบนเว็บไซต์ต่าง ๆ มักจะให้กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ เพศ อายุ และเบอร์โทร ซึ่งประวัติเหล่านี้จะถูกบันทึกไว้อยู่ในอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา และสามารถถูกสืบค้นได้โดยเว็บไซต์ และโปรแกรมเมอร์
IP Address
คอมพิวเตอร์ที่จะมีรหัสประจำตัวในการใช้งาน เมื่อเราคลิกเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือค้นหาบริการต่าง ๆ ก็จะมีการบันทึกประวัติการค้นหาเก็บไว้อยู่ในโลกออนไลน์ ทำให้ถูกติดตาม หรือระบุตัวตนของผู้ใช้งานได้ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการถูกนำข้อมูลไปใช้นั่นเอง
ข้อดีของ Digital Footprint
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะเกิดความคิดว่า Digital footprint คือสิ่งที่ก่อให้เกิดผลเสียทั้งต่อตัวบุคคลและต่อแบรนด์ แต่ในมุมกลับกันหากเรารู้จักใช้ประโยชน์จาก Digital Footprint ก็มีข้อดีไม่น้อย ดังนี้
- ช่วยทำให้แบรนด์รู้ถึง Insight ของลูกค้า และสามารถผลิตคอนเทนต์ได้ตรงกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายสนใจได้
- ช่วยให้ธุรกิจสามารถถอดรหัสพฤติกรรมของลูกค้าได้ และตอบสนองกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ดี
- เป็นพื้นที่แสดงตัวตน ให้ตัวเราเป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์ ที่สามารถนำไปสู่รายได้ เช่น อาชีพ Influencer
- สามารถเก็บความทรงจำเอาไว้ดูในอนาคต ทั้งคลิป ภาพถ่าย หรือเหตุการณ์สำคัญในช่วงเวลานั้น ๆ
- ได้เห็นแนวคิด ทัศนคติ รูปแบบการใช้ชีวิตในอดีต ซึ่งนำไปสู่การปรับตัวในอนาคต
ข้อเสียของ Digital Footprint
เมื่อทราบถึงข้อดีของ Digital Footprint กันไปแล้ว ก็ควรทราบถึงผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อภาพลักษณ์และความเป็นส่วนตัว ทั้งในแง่ส่วนบุคคล และในแง่ธุรกิจออนไลน์กันบ้าง
- ความเป็นส่วนตัวอาจจะลดลง เนื่องจากผู้คนสามารถสืบค้นและรับรู้เรื่องราวของเราได้มากขึ้น
- อาจโดนสะกดรอยตามจากผู้ไม่หวังดี เวลาอัปโหลดรูปที่ระบุตำแหน่งในสถานที่นั้น ๆ
- เมื่อโพสต์หรือแชร์คอนเทนต์ตามกระแสมากเกินไป เมื่อกลับเข้ามาดูในอนาคตอาจจะพบว่าคอนเทนต์นั้นไม่เหมาะสม แม้จะลบออกแต่ก็มีโอกาสที่ผู้ไม่หวังดีจะแคปเก็บไว้
- มีโอกาสเสี่ยงถูกผู้ไม่หวังดีขุดคุ้ยประวัติเก่า ๆ จากสเตตัส หรือรูปภาพ และอาจถูกนำมาใช้โจมตีได้
วิธีป้องกันผลกระทบจาก Digital Footprint
ทุกคนน่าจะตระหนักแล้วว่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกรูปแบบนั้นจะทิ้งรอยเท้าข้อมูลของเราไว้ทุกที่ แต่ก็มีวิธีที่ช่วยให้เราสามารถป้องกันผลกระทบจาก Digital Footprint ได้ เช่นการหลีกเลี่ยงการเข้าเว็บไซต์ผิดกฎหมาย หรือการคลิกลิงก์แปลก ๆ ที่อาจมีระบบติดตามข้อมูลแฝงอยู่ และคำนึงอยู่เสมอว่าทุกกิจกรรมที่เราทำมีรอยเท้าฝากไว้เสมอ เพื่อให้การใช้งานมีความปลอดภัย การใช้งานอินเทอร์เน็ตจึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง ซึ่งเรามีคำแนะนำมาฝากกัน ดังนี้
- ไม่ควรโชว์ข้อมูลส่วนตัวในโซเชียลมีเดียมากเกินความจำเป็น เช่น ไม่โพสต์รูปหรือข้อความที่สุ่มเสี่ยงต่อการบอกตำแหน่งที่ตั้ง รวมถึงข้อมูลสำคัญต่าง ๆ
- ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว หรือแสดงสิ่งที่โพสต์ให้เห็นเฉพาะคนรู้จัก
- ไม่ควรโพสต์การบูลลี่ การเหยียดต่าง ๆ การคุกคามทางเพศลงบนโซเชียล
- ก่อนที่จะสื่อสารออกไปบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในนามของแบรนด์ธุรกิจ จะต้องกลั่นกรองว่าเนื้อหามีความเหมาะสมหรือไม่และต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูงก่อนจะโพสต์หรือแชร์อะไรเสมอ
รอยเท้าดิจิทัล หรือ Digital Footprint คือร่องรอยการใช้งานบนอินเทอร์เน็ตของบุคคลหรือแบรนด์นั้น ๆ ยิ่งถ้าหากผู้ใช้งานมีปฏิสัมพันธ์บนโลกออนไลน์มากเท่าไร รอยเท้าดิจิทัลก็ยิ่งถูกบันทึกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ตามความเหมาะสม และหากต้องการป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก็ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป รวมถึงระมัดระวังในการใช้โซเชียลมีเดียต่าง ๆ เพื่อให้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างสบายใจหายห่วงนั่นเอง