ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นหนึ่งในตัวเร่งสำคัญที่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกแห่งการค้นหาข้อมูลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยในอดีต AI อาจเป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อประโยชน์ในการช่วยประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ การพยากรณ์แนวโน้ม รวมถึงการคาดการณ์พฤติกรรมของผู้บริโภคในเชิงลึก แต่ทว่าในปัจจุบันนี้ บทบาทของ AI กลับถูกขยายขอบเขตมาสู่การเป็นผู้ช่วยที่สามารถสื่อสาร และตอบคำถามต่าง ๆ ของผู้ใช้งานได้โดยตรง จนเป็นผลทำให้กลยุทธ์การสร้างเนื้อหาให้ตอบโจทย์กับเครื่องมือการค้นหาที่ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบ AI หรือการทำ GEO คือ อนาคตใหม่ของการทำ SEO อย่างแท้จริง
GEO คืออะไร ?
Generative Engine Optimization หรือ GEO คือ กลยุทธ์ในการสร้าง ปรับแต่ง และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำคอนเทนต์ ที่ถูกพูดถึงเป็นครั้งแรกในช่วงปี ค.ศ. 2023 ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เริ่มมีการนำเอาเครื่องมือ AI ที่มาพร้อมด้วย Generative Technology อาทิ ChatGPT, Bard, Copilot หรือ Gemini มาใช้เป็นเครื่องมือหลักในการค้นหาข้อมูล พูดคุย ตั้งคำถาม หรือแม้แต่การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและบริการ
โดยหัวใจสำคัญของการทำ GEO คือ การทำให้คอนเทนต์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์ รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง YouTube, Facebook Page, TikTok หรือแม้แต่บทความบน E-commerce Platform มีโครงสร้างของเนื้อหา ภาษาเขียน และแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ AI สามารถทำความเข้าใจ และดึงเอาข้อมูลเหล่านี้ไปใช้อ้างอิงประกอบการตอบคำถามให้กับผู้ใช้งาน ทั้งในลักษณะของการให้คำตอบโดยตรงและการสรุปเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสำคัญของ GEO ในยุคของการค้นหาข้อมูลด้วย AI
อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่า ผู้บริโภคในปัจจุบันนี้ล้วนเลือกใช้เครื่องมือ AI ในการค้นหาข้อมูลที่สนใจกันมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นแล้ว หนึ่งในปัญหาที่สามารถพบได้บ่อยในยุคปัจจุบันนี้ คือ ปริมาณการเข้าชมแบบออร์แกนิก (Organic Traffic) ของหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยเฉพาะหน้าเว็บไซต์ที่อยู่ในอันดับที่ดีบนหน้าผลลัพธ์การค้นหาของ Search Engine ที่มีแนวโน้มจะลดลงอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถได้รับคำตอบที่ต้องการจากระบบ AI ได้ในทันที โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ต้นทางเหมือนอย่างในอดีต ด้วยเหตุนี้ การปรับกลยุทธ์จากการทำ SEO แบบดั้งเดิม ไปสู่การทำ GEO จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางเลือก แต่ GEO คือ ความจำเป็นของธุรกิจในยุคที่ AI ที่ต้องการทำให้เนื้อหา ข้อความ หรือสิ่งที่ธุรกิจต้องการจะสื่อสาร ยังคงปรากฏอยู่ในสายตาของผู้บริโภคยุคใหม่อยู่เสมอ

ความแตกต่างของ SEO และ GEO คืออะไร
แม้ว่าการทำ SEO (Search Engine Optimization) และการทำ GEO (Generative Engine Optimization) จะมีเป้าหมายหลักร่วมกันในการทำให้คอนเทนต์สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทว่าจุดประสงค์หลักของการทำ SEO จะมุ่งเน้นไปที่การเขียนบทความหรือปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้มีความสอดคล้องกับระบบ Algorithm ของ Search Engines เพื่อทำให้หน้าเว็บไซต์สามารถปรากฏอยู่ในอันดับต้น ๆ ของหน้าผลลัพธ์การค้นหา (Search Engine Results Page : SERP) เมื่อผู้ใช้งานทำการพิมพ์คำค้นหา (Keyword) ที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่การทำ GEO คือการปรับแต่งเนื้อหาให้ระบบ AI สามารถทำความเข้าใจ และนำไปใช้แสดงเป็นคำตอบในบทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ใช้งานกับ AI
กล่าวง่าย ๆ คือ การทำ SEO คือ การทำให้ผู้ใช้งานค้นเจอเว็บไซต์ แต่ในทางกลับกัน การทำ GEO คือ การมุ่งเน้นให้ระบบ AI สามารถค้นเจอเนื้อหาที่ตอบโจทย์กับคำถามของผู้ใช้งานได้นั่นเอง
อนาคตของ GEO และสิ่งที่ธุรกิจควรเตรียมความพร้อม
เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ต่างก็จำเป็นที่จะต้องเร่งปรับกลยุทธ์การทำ SEO ให้มีความเท่าทันกับรูปแบบการเข้าถึงข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง โดยการทำ GEO คือสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในบริบทของการทำการตลาดดิจิทัลในยุคใหม่ ที่ระบบ AI กลายมาเป็นผู้เลือกคำตอบแทนผู้ใช้งาน ดังนั้น หากธุรกิจต้องการให้เนื้อหาของตนเองยังคงถูกมองเห็น และถูกเลือกใช้งานโดย AI ธุรกิจก็ควรมุ่งให้ความสำคัญกับการปรับแต่งการทำ SEO ให้มีความสอดคล้องกับหลักการทำ GEO ดังนี้
การปรับแต่งเนื้อหา SEO ให้มีความน่าเชื่อถือ
หนึ่งในหัวใจสำคัญของการทำ GEO ให้ประสบความสำเร็จ คือ การทำให้เนื้อหาที่ถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ มีความน่าเชื่อถือในสายตาของระบบ AI ซึ่งสามารถทำได้โดยการนำเอาหลักการทำ SEO แบบ N-E-E-A-T (Notability, Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness) มาเป็นกรอบในการปรับแต่งเนื้อหาให้มีความละเอียด ครอบคลุม ถูกต้อง และน่าเชื่อถือ ร่วมกับการอัปเดตเนื้อหาให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อให้ทั้งระบบ Algorithm ของ Search Engines และ AI สามารถมองเห็นและประเมินได้ว่าเนื้อหาของคุณเป็นเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง
การวางโครงสร้างของเนื้อหาแบบ Structured Data
การวางโครงสร้างของเนื้อหาในรูปแบบ Structured Data เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อประโยชน์ในการช่วยทำให้ระบบ Search Engines และระบบ AI สามารถทำความเข้าใจได้ทันทีว่า เนื้อหานั้น ๆ ต้องการจะสื่อสารเกี่ยวกับอะไร อยู่ในหมวดหมู่ใด มีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลประเภทไหน อีกทั้งยังสามารถตีความความหมายเชิงลึกของเนื้อหาได้อย่างชัดเจน จนเอื้อประโยชน์ต่อการจัดอันดับแบบ SEO และการนำเอาข้อมูลไปใช้ในการสังเคราะห์คำตอบ (Generative Answer) ของระบบ AI

Go Online Agency พร้อมช่วยคุณออกแบบและปรับกลยุทธ์ GEO แบบครบวงจร
รูปแบบในการทำ SEO ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการค้นหาข้อมูลและการตัดสินใจของผู้บริโภค เพราะฉะนั้นแล้ว การทำ SEO ด้วยเทคนิคแบบเดิม ๆ ที่มุ่งเน้นไปที่การไต่อันดับบนหน้าผลลัพธ์การค้นหาของ Search Engine จึงอาจไม่เพียงพอสำหรับการช่วยทำให้เนื้อหาของธุรกิจถูกเลือกและถูกนำเสนอไปยังผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป
ซึ่ง Go Online Agency มีความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี เราจึงพร้อมช่วยยกระดับการทำ SEO ของคุณไปสู่แนวทางของการทำ GEO (Generative Engine Optimization) อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อช่วยทำให้ธุรกิจของคุณสามารถสร้างตัวตนบนโลกของการค้นหาข้อมูล อีกทั้งยังคงอยู่ในสายตาของทั้งระบบ AI และผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืน