“การทำเว็บไซต์” เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจรายเล็กหรือรายใหญ่การมีเว็บไซต์เป็นของตนเอง สามารถช่วยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและบริการของธุรกิจกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย
ตัวอย่างเช่น ธุรกิจร้านอาหารหากเจ้าของธุรกิจทำเว็บไซต์ ประชาสัมพันธ์ข่าวสารโปรโมชั่น เมนูอาหาร วิธีการเดินทาง และช่วงเวลาเปิด-ปิดของร้าน ก็จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกมารับประทานอาหารที่ร้านได้ง่ายขึ้นกว่าร้านอาหารที่ไม่มีเว็บไซต์เป็นของตนเอง
ในบทความนี้ Go Online จะมาพูดคุยถึงเรื่องการออกแบบเว็บไซต์ง่าย ๆ ด้วย WordPress กัน เราลองมาดูกันว่าองค์ประกอบของเว็บไซต์ที่ดี ควรมีอะไรบ้าง
การออกแบบเว็บไซต์ที่ดีควรคำนึงถึงองค์ประกอบ ดังนี้
1. วัตถุประสงค์ของเว็บไซต์
เริ่มแรกหากต้องการสร้างเว็บไซต์ ควรรู้ว่าสร้างเว็บไซต์โดยมีเป้าหมายอะไร เช่น
- Business Website สำหรับเผยแพร่ข้อมูลของธุรกิจ
- E-Commerce Website สำหรับการขายสินค้า
- Blog Website สำหรับนำเสนอข่าวสาร บทความ เป็นต้น
- Portfolio Website สำหรับสะสมผลงานเป็น Portfolio
- หรืออื่น ๆ
เมื่อทราบวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์แล้วก็จะสามารถออกแบบเว็บไซต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการได้
2. กลุ่มเป้าหมาย
ถัดจากการจุดประสงค์ในการสร้างเว็บไซต์แล้ว ต่อมาเราต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาดูเนื้อหาบนเว็บไซต์ของเราคือใคร เช่น วัยรุ่น วัยทำงาน วัยเกษียณ เป็นต้น ส่วนสำคัญในการทำเว็บไซต์ก็คือธุรกิจควรทราบถึง Persona ของกลุ่มเป้าหมายของตนเอง
ตัวอย่างเช่น กลุ่ม Persona ของลูกค้าของแบรนด์แห่งหนึ่ง “เน้นผู้สูงอายุ ที่ใช้มักใช้โทรศัพท์ในการค้นหาข้อมูลหรือใช้โทรศัพท์เปิดดูเว็บไซต์เป็นหลัก”
เมื่อเราทราบข้อมูลส่วนนี้ทำงานต่อไปของการออกแบบเว็บไซต์ (UX/UI) จะง่ายขึ้น จากตัวอย่างข้างต้น เราสามารถนำโจทย์ที่ได้มาสร้างเป็นคอนเซ็ปต์ของเว็บไซต์คร่าว ๆ ได้ ดังนี้
- การออกแบบเว็บไซต์ควรเน้นตัวอักษรที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย
- เน้นตัวอักษรภาษาไทยที่มีหัวเพื่อให้ง่ายต่อการอ่านของกลุ่มผู้สูงอายุ
- กลุ่มสีที่ใช้บนเว็บไซต์เน้นโทนเรียบง่ายสบายตา ไม่ฉูดฉาด หรือมีลูกเล่นเยอะเกินไป
- เน้น Mobile Responsive ให้ผู้สูงอายุใช้งานในการอ่านข้อมูลบนโทรศัพท์ได้ง่ายขึ้น
3. โครงสร้างของเว็บไซต์
เว็บไซต์ที่ดีมีการออกแบบโครงสร้างที่ชัดเจน ง่ายต่อการค้นหาข้อมูล และผู้เข้าชมสามารถเข้าใจได้ง่าย ตั้งแต่หน้าแรก Landind Page จนถึงหน้าองค์ประกอบต่าง ๆ ของเว็บไซต์ที่ควรเชื่อมถึงกัน โดยที่ผู้ใช้งานกดเข้าไปแล้วไม่สับสน รวมถึงการสร้าง Call To Action ที่เข้าใจง่ายและเชิญชวนด้วยเช่นกัน
4. เนื้อหาของเว็บไซต์
เนื้อหาของเว็บไซต์ควรมีความน่าสนใจ น่าอ่าน และเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงควรทำเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้เป็นไปตามหลัก SEO เพื่อช่วยให้เว็บไซต์สามารถติดหน้าแรกบน Google ง่ายขึ้น อีกทั้งการทำ SEO ยังเป็นเทคนิคการทำการตลาดออนไลน์แขนงหนึ่งที่เป็นแบบ Organic และยั่งยืนในระยะยาว
อ่านเพิ่มเติม : SEO คืออะไร สำคัญอย่างไร ต่อการทำการตลาดออนไลน์
5. รูปภาพและวิดีโอ
เพิ่มความน่าสนใจให้กับเว็บไซต์ด้วยรูปภาพและวิดีโอที่สามารถช่วยดึงดูดผู้เข้าชมได้ ยิ่งรูปภาพของเราน่าสนใจมากเท่าไร ก็สามารถบ่งบอกความเป็นแบรนด์ของเราได้มากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งรูปภาพและวิดีโอยังสามารถสร้างพฤติกรรมให้ผู้ชมอยู่บนเว็บไซต์ของเราได้นานยิ่งขึ้นอีกด้วย
6. สีและตัวอักษร
ในส่วนของสีสันและตัวอักษร การออกแบบควรสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายและ Persona ของผู้ใช้งาน โดยควรมีความกลมกลืนกันและอ่านง่าย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ Persona ของธุรกิจนั้น ๆ ด้วยว่าคือใคร ความต้องการเป็นอย่างไร อายุเท่าใด เพื่อให้การออกแบบสอดรับตามพฤติกรรมของผู้ใช้งานหรือการออกแบบเว็บไซต์ในส่วนของโทนสีที่นิยม คือ มักจะออกแบบตาม Logo ของบริษัทหรือ CI (Corporate Identity) ของแบรนด์นั่นเอง เพื่อให้ผู้ใช้งานจดจำแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น
จากรูปภาพตัวอย่างด้านบนจะเห็นได้ว่าโทนสีและตัวอักษร เมื่อมองภาพรวมของเว็บไซต์แล้วใช้สีที่คล้ายคลึงกันทั้งเว็บไซต์ เพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานสับสนเมื่อใช้งานบนเว็บไซต์นั่นเอง
7. ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์
หลังจากรู้จักองค์ประกอบเว็บไซต์มา 6 องค์ประกอบแล้ว มาดูองค์ประกอบด้านการใช้งานกัน โดยเว็บไซต์ที่ดีควรโหลดได้รวดเร็ว ไม่ช้าจนทำให้ผู้เข้าชมรอนานจนเกินไป ในส่วนนี้สามารถให้ Web Developer เข้ามาช่วยปรับความเร็วของเว็บไซต์เพื่อให้เว็บไซต์ไม่หน่วงหรือใช้ระยะเวลาในการโหลดของแต่ละหน้า (Page) นานจนเกินไป
รู้หรือไม่ว่าขนาดไฟล์ภาพที่ใหญ่จนเกินไป ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เว็บไซต์ของเราโหลดช้าด้วย Go Online แนะนำว่าขนาดไฟล์รูปภาพในการใช้งานบนเว็บไซต์ไม่ควรเกิน 100 KB เพื่อให้เว็บไซต์มีการใช้งานที่เร็วมากยิ่งขึ้น
8. Mobile Responsive
เว็บไซต์ที่ดีควรรองรับการใช้งานได้ในทุกอุปกรณ์ เช่น สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต หรือ Desktop เป็นต้น เนื่องจากในปัจจุบันการเข้าถึงเว็บไซต์สามารถทำได้หลากหลายช่องทาง การปรับเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้เข้าอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็จะช่วยให้การใช้งานบนเว็บไซต์มีความลื่นไหล ผู้ใช้งานไม่หงุดหงิดจนต้องปิดหน้าเว็บไซต์ของเราไปนั่นเอง
ตัวอย่างการออกแบบเว็บไซต์ของ Go Online
จากตัวอย่างข้างต้นเป็นการออกแบบเว็บไซต์ด้วย WordsPress โดยมีการนำเสนอเกี่ยวกับร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่ต้องการโชว์เมนูอาหารภายในร้าน และสามารถคลิกจองที่นั่งกับทางร้านอาหารได้เลยทันที รวมถึงยังสามารถทราบเวลาเปิด-ปิด รีวิวต่าง ๆ ของร้านได้แบบครบครัน
โดยทุกธุรกิจสามารถนำข้อมูลในบทความนี้ไปปรับใช้ในการสร้างเว็บไซต์กับธุรกิจของคุณได้ง่าย ๆ เลย หรือหากธุรกิจใดต้องการปรึกษาเกี่ยวกับการทำเว็บไซต์ก็สามารถปรึกษา Go Online ได้โดยตรง เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเว็บไซต์ช่วยตอบทุกคำถามของคุณได้อย่างแน่นอน