เมื่อการแข่งขันในสงครามธุรกิจออนไลน์ยังคงทวีความดุเดือดมากขึ้นในทุกวัน การมียอดวิวสูงอาจไม่ได้หมายความว่าธุรกิจจะสามารถผลักดันยอดขายให้เติบโตขึ้นได้อย่างยั่งยืน เช่นเดียวกันกับการมียอดไลก์ที่เพิ่มมากขึ้น ที่ไม่อาจการันตีถึงการเกิดความภักดีต่อธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้นได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ การทำการตลาดบนโลกออนไลน์ในปัจจุบันนี้จึงไม่สามารถพึ่งพาเพียงแค่ตัวเลขที่ดูดีบนหน้าจอได้อีกต่อไป แต่ยังจำเป็นที่จะต้องกลยุทธ์ที่สามารถวัดผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนในทุกขั้นตอน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจที่สามารถจับต้องได้จริง เพราะฉะนั้นแล้ว นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้ Performance Marketing คือ หนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้ก้าวเข้ามาพลิกโฉมการทำการตลาดยุคใหม่อย่างแท้จริง
Performance Marketing คือ อะไร?
Performance Marketing คือกลยุทธ์ในการทำการตลาดออนไลน์ที่มุ่งเน้นไปที่การให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนผลลัพธ์ที่สามารถจับต้องได้จริง อาทิ การคลิก (Click), การแสดงความสนใจในสินค้าหรือบริการอย่างชัดเจน (Lead), การกระทำของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ (Conversion), การติดตั้งแอปพลิเคชัน (Install) หรือแม้กระทั่งการกลับมาซื้อซ้ำ (Repeat Purchase) ซึ่งจะแตกต่างไปจากกลยุทธ์การตลาดแบบดั้งเดิมที่มักจะให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับธุรกิจในวงกว้าง (Brand Awareness) หรือการเข้าถึงผู้คนจำนวนมาก (Reach) โดยที่ไม่สามารถประเมินผลลัพธ์ได้ว่ากลุ่มเป้าหมายมีการตอบสนองกับแคมเปญโฆษณาอย่างไรบ้าง
เพราะฉะนั้นแล้ว Performance Marketing จึงเป็นรูปแบบของการทำการตลาดออนไลน์ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถวัดและประเมินผลได้ทันทีว่า งบประมาณด้านการตลาดที่ได้ลงทุนไปในแต่ละแคมเปญนั้นก่อให้เกิดประโยชน์หรือผลลัพธ์อะไรต่อธุรกิจบ้าง และหากแคมเปญใดไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ได้ตรงตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ ธุรกิจก็สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือยุติการลงทุนในแคมเปญนั้นได้ในทันที ซึ่งข้อได้เปรียบที่สำคัญนี้เองก็ได้ทำให้ Performance Marketing คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถคำนวณผลตอบแทนที่ได้การลงทุน (ROI – Return on Investment) ได้อย่างแม่นยำและตอบโจทย์กับการเติบโตในระยะยาวของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แนวคิดที่สำคัญของการทำ Performance Marketing คืออะไร?
การทำ Performance Marketing ไม่ได้เป็นเพียงแค่การยิงโฆษณาแล้วรอผลลัพธ์ แต่แนวคิดที่แท้จริงของการทำ Performance Marketing คือการบริหารกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างเป็นระบบ โดยการนำเอาข้อมูลจริงมาใช้ประโยชน์ในการขับเคลื่อนการตัดสินใจในทุกขั้นตอน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการลงทุน
1. ผลลัพธ์ต้องมาก่อน
แนวคิดที่สำคัญของการทำ Performance Marketing คือการให้ความสำคัญกับ “ผลลัพธ์” เป็นอันดับแรก ดังนั้น ทุกการวางกลยุทธ์โฆษณาจึงจำเป็นที่จะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน อาทิ การคลิกเข้าชมเว็บไซต์ การกรอกฟอร์ม หรือการเกิดยอดขายจริง เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถวัดประสิทธิภาพของแคมเปญได้อย่างแม่นยำ ร่วมกับการช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียงบประมาณไปกับการทำโฆษณาที่ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
2. วัดผลได้ในทุกขั้นตอน
อีกหนึ่งแนวคิดหลักของการทำ Performance Marketing คือการที่ทุกกิจกรรมทางการตลาดที่เกิดขึ้นจะต้องสามารถนำมาวิเคราะห์ผลลัพธ์ผ่าน Google Analytics, Facebook Pixel, Conversion API หรือเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ ได้อย่างแม่นยำ เพื่อช่วยให้การตัดสินใจของธุรกิจเกิดขึ้นบนพื้นฐานของความชัดเจน มีเหตุผล และเป็นไปตามหลักการของการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Decision Making) แทนการใช้สัญชาตญาณหรือประสบการณ์เพียงอย่างเดียว
3. ปรับกลยุทธ์ได้ทันที
นอกจากการวัดผลได้อย่างชัดเจนในทุกขั้นตอนแล้ว อีกหนึ่งจุดแข็งที่สำคัญของ Performance Marketing คือการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การทำโฆษณาได้แบบเรียลไทม์โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องรอให้แคมเปญจบก่อน เพราะฉะนั้นแล้ว หากอัตรา Click-Through Rate (CTR) ต่ำ หรือ Conversion ไม่เกิด ธุรกิจจะสามารถปรับเปลี่ยนรูปภาพหรือข้อความโฆษณาให้ตรงกับพฤติกรรมผู้ชม ร่วมกับการทดสอบกลยุทธ์แบบ A/B Testing เพื่อเลือกใช้แคมเปญที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้ในทันที
4. จ่ายเมื่อเกิดผลลัพธ์
อีกหนึ่งข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าของการทำการตลาดในรูปแบบ Performance Marketing คือรูปแบบการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากทุก ๆ การจ่ายเงินของธุรกิจมุ่งเน้นการก่อให้เกิดผลลัพธ์ตามที่ได้มีการตั้งเป้าหมายเอาไว้เท่านั้น เพราะฉะนั้นแล้ว การตลาดในรูปแบบ Performance Marketing จึงสามารถช่วยให้การใช้งบประมาณในการทำการตลาดของธุรกิจมีความชัดเจน โปร่งใส และคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

Case Study: กลยุทธ์ Performance Marketing ที่สร้างผลลัพธ์ได้จริงในโลกธุรกิจ
การทำ Performance Marketing คือสิ่งที่ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่ธุรกิจประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้หลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ในด้านยอดขายหรือการขยายฐานลูกค้าอย่างเป็นรูปธรรม และนี่คือ 5 กรณีศึกษาที่น่าสนใจในการนำเอากลยุทธ์ Performance Marketing ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจได้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนี้
ธุรกิจคลินิกความงาม: สร้าง Lead และปิดการจองได้ทันที
คลินิกความงามสามารถนำเอากลยุทธ์ Performance Marketing มาใช้ประโยชน์ในการยิงโฆษณาเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มจะสนใจเข้ารับบริการดูแลผิวหน้า ฉีดฟิลเลอร์ เลเซอร์ หรือเข้าร่วมโปรแกรมลดไขมันเฉพาะจุด โดยมุ่งเน้นไปที่การเก็บข้อมูล Lead อาทิ การลงทะเบียนรับส่วนลด การขอรับคำปรึกษาฟรี หรือการกรอกแบบฟอร์มนัดหมาย เพื่อให้ทีมงานสามารถติดต่อกลับไปให้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือนำเสนอโปรโมชันเฉพาะบุคคลเพื่อกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจจองบริการได้ในทันที นอกจากนี้ ยังสามารถตั้ง Retargeting Campaign ไปยังผู้ที่เคยกดดูคอร์สบริการบนหน้าเว็บไซต์แต่ยังไม่ได้กรอกฟอร์มหรือจองคิว พร้อมแนะนำข้อเสนอ อาทิ จองวันนี้ ลดทันที 15% หรือ ฉีดฟิลเลอร์ 1 แถม 1 ภายในวันนี้เท่านั้น เพื่อเร่งการตัดสินใจได้ในทันที
ธุรกิจโรงแรม: เพิ่มยอดจองตรงผ่านเว็บไซต์
Performance Marketing คือกลยุทธ์ที่ช่วยให้โรงแรมสามารถลดการพึ่งพาเว็บไซต์จองโรงแรมออนไลน์ หรือ OTA (Online Travel Agency) และผลักดันการจองตรงผ่านเว็บไซต์ของโรงแรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ Dynamic Ads บน Facebook และ Google Display Network ในการแสดงผลโฆษณาห้องพักที่ตรงกับความสนใจของลูกค้าที่เคยคลิกเข้าชมเว็บไซต์มาก่อน พร้อมนำเสนอโปรโมชันพิเศษเพื่อช่วยจูงใจลูกค้า อาทิ ส่วนลดพิเศษเมื่อจองตรงผ่านเว็บไซต์ หรือ บริการอัปเกรดห้องฟรีสำหรับการจองภายใน 24 ชั่วโมง เป็นต้น นอกจากนี้ โรงแรมยังสามารถใช้ Google Search Ads เพื่อโฆษณาให้เว็บไซต์ของตนเองปรากฏอยู่ในหน้าแรกเมื่อมีผู้ค้นหาคำว่า ที่พักในเชียงใหม่ โรงแรมใกล้ติดทะเลพัทยา หรือคำค้นหาอื่น ๆ ที่มีแนวโน้มจะทำให้เกิดการจองที่พักจริงได้เช่นกัน
ธุรกิจ E-Commerce: ปิดการขายด้วย Retargeting
สำหรับธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่งบ้าน หรืออาหารเสริม Performance Marketing คืออีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการทำ Retargeting Ads หรือการยิงโฆษณาซ้ำไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เคยคลิกดูสินค้า กดเพิ่มสินค้าลงในตะกร้า หรือแม้กระทั่งการกดไปที่หน้าชำระเงินแต่ยังไม่กดสั่งซื้อสินค้า เพื่อนำเสนอข้อเสนอพิเศษ อาทิ ส่วนพิเศษสำหรับสินค้าในตะกร้า โค้ดจัดส่งฟรี หรือข้อความที่ช่วยเร่งการตัดสินใจอย่าง รีบสั่งก่อนสินค้าหมด หรือ รับเลยของแถมฟรี 2 ชิ้น เมื่อสั่งซื้อภายในวันนี้ ที่จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจและดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้กลับมาเลือกซื้อสินค้าอีกครั้ง
ธุรกิจร้านค้าแฟชั่นออนไลน์: ดึงดูดลูกค้าใหม่ และเพิ่มมูลค่าต่อบิลให้สูงขึ้น
ในโลกของธุรกิจแฟชั่นออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูงและมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งในกลยุทธ์ด้าน Performance Marketing ที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้ดึงดูดลูกค้าใหม่ ร่วมกับการเพิ่มยอดขายต่อคำสั่งซื้อ (Average Order Value – AOV) คือ การใช้โฆษณาแบบ Dynamic Product Ads (DPA) บนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook และ Instagram เพื่อนำเสนอภาพสินค้าให้มีความเฉพาะเจาะจงกับความสนใจของกลุ่มผู้ชมเป้าหมาย ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่เคยเลือกชมเดรสลายดอกสีชมพูมาก่อนก็จะเห็นโฆษณาสินค้าในลักษณะเดียวกัน พร้อมโปรโมชันเฉพาะบุคคล อาทิ ซื้อวันนี้ลดเพิ่ม 15% หรือ รับของแถมฟรีเมื่อซื้อครบ 1,000 บาท ซึ่งจะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย และเพิ่มมูลค่ายอดขายต่อคำสั่งซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ธุรกิจคอร์สเรียนออนไลน์: เพิ่ม Lead และปิดการขายคอร์ส
อีกหนึ่งธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากการเลือกใช้กลยุทธ์ Performance Marketing คือธุรกิจคอร์สออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นคอร์สเรียนภาษา คอร์สพัฒนาทักษะอาชีพ คอร์สออกแบบ หรือแม้กระทั่งคอร์สโค้ชชิ่ง และคอร์สเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในด้านต่าง ๆ ที่มีการนำเอาเทคนิคการสร้างแคมเปญโฆษณาที่มีการนำเสนอเนื้อหาฟรีในบางส่วน หรือการเชิญชวนให้เข้าร่วมกิจกรรมทดลองเรียนฟรี ผ่านหน้า Landing Page ที่ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย และมีแบบฟอร์มสำหรับเก็บข้อมูลชื่อ เบอร์โทร และอีเมลของผู้ที่สนใจ เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถนำเอาข้อมูลดังกล่าวนี้ไปต่อยอดในการทำ Email Marketing Automation หรือการใช้ Retargeting Ads เพื่อยิงโฆษณาไปหานำเสนอสิทธิพิเศษอย่าง ส่วนลด Early Bird, คอร์สเสริมฟรี หรือบริการให้คำปรึกษาแบบ 1:1 ฟรี

เริ่มต้นทำ Performance Marketing กับ Go Online ตอบโจทย์ทุกเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ
ในยุคดิจิทัลที่เวลาทุกวินาที คือ โอกาสในการปิดการขายและสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ การมีพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่มีความเข้าใจและความเชี่ยวชาญในการทำการตลาดออนไลน์ด้วยกลยุทธ์ Performance Marketing คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการตลาดที่ขับเคลื่อนผลลัพธ์ได้จริง โดย Go Online คือ หนึ่งในเอเจนซี่ Performance Marketing ชั้นนำ ที่พร้อมเป็นทีมที่อยู่เบื้องหลังทุกความสำเร็จของคุณ เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าคุณจะต้องการเพิ่มยอดขายสินค้า ดึงดูดลูกค้าใหม่ หรือรักษาฐานลูกค้าเดิมให้กลับมาซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง Go Online ก็พร้อมออกแบบกลยุทธ์ Performance Marketing พร้อมการปรับกลยุทธ์แบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยให้ทุกเม็ดเงินที่คุณได้ลงทุนไปกับการทำแคมเปญโฆษณาสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับธุรกิจได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด