ทุกวันนี้การทำธุรกิจถือเป็นเรื่องที่ท้าทายผู้ประกอบการมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ต่าง ๆ รวมไปถึงความหลากหลายของคู่แข่ง ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวและวางกลยุทธ์ธุรกิจให้ดี ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นที่จะต้องเข้าใจและรู้ถึงจุดแข็ง จุดอ่อน ของธุรกิจตัวเองเพื่อที่จะได้รับมือกับโอกาสและอุปสรรคที่จะเข้ามาในอนาคต หากถามว่าหลักการใดที่จะตอบโจทย์ ช่วยให้ผู้ประกอบการได้เข้าใจและรู้ถึงจุดแข็ง จุดอ่อนของธุรกิจตัวเองเพื่อที่จะนำไปพัฒนากลยุทธ์ได้ ก็คงจะเป็นหลักการอื่นไปไม่ได้นอกจาก ‘การวิเคราะห์ SWOT ’ นั่นเอง
มาทำความรู้จัก SWOT กันก่อนว่ามันคืออะไร ?
SWOT เป็นตัวย่อของคำภาษาอังกฤษ 4 คำ คือ
S (Strength) หมายถึง จุดแข็งของตัวเราที่ทำให้ได้เปรียบคนอื่น
W (Weakness) หมายถึง จุดอ่อนของตัวเราที่ทำให้เสียเปรียบคนอื่น
O (Opportunity) หมายถึง โอกาสที่เกิดขึ้นที่จะช่วยส่งเสริมเรา
T (Threat) หมายถึง อุปสรรคที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อเรา
การวิเคราะห์SWOT ต้องทำอย่างไรบ้าง ?
● S (Strength) : จุดแข็ง
จุดแข็งถือเป็นปัจจัยภายในที่เป็นตัวกำหนดความแข็งแกร่งและความสำเร็จของธุรกิจเลยก็ว่าได้ ผู้ประกอบการอาจลองตั้งคำถาม หาคำตอบ และวิเคราะห์ดูว่าเรามีจุดแข็งอะไรที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ เช่น สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคืออะไร? อะไรคือสิ่งที่เราทำได้เหนือคู่แข่ง? ลูกค้าชอบอะไรในธุรกิจของเรา? และเมื่อรู้จุดแข็งของตัวเองแล้ว ก็พยายามหาเทคนิคและวิธีต่าง ๆ มาเสริมความแข็งแกร่งให้มากยิ่งขึ้นต่อไป
● W (Weakness) : จุดอ่อน
จุดอ่อนถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบด้านลบต่อธุรกิจ แต่เป็นสิ่งที่เราสามารถควบคุมและทำให้มันหายไปได้หากวิเคราะห์และปรับปรุงแก้ไขให้ตรงจุด ดังนั้นผู้ประกอบการต้องลองตั้งคำถามและหาคำตอบให้ได้ว่าจุดอ่อนของตัวเองมีอะไรบ้าง เช่น เรามีอะไรที่ยังไม่ดีพอและต้องปรับปรุงบ้าง? คู่แข่งทำอะไรได้ดีกว่าเรา? สาเหตุอะไรที่ทำให้ธุรกิจของเรายังไม่ประสบความสำเร็จ? และเมื่อรู้ถึงจุดอ่อนทุกอย่างของตัวเองแล้ว ก็หาวิธีปรับปรุงแก้ไขให้จุดอ่อนนั้นหายไป และหาวิธีรับมือป้องกันไม่ให้ปัญหานั้นกลับมาเป็นจุดอ่อนของธุรกิจอีก
● O (Opportunity) : โอกาส
โอกาสถือเป็นปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่ส่งผลเชิงบวกและดีต่อธุรกิจอย่างแน่นอน เพราะโอกาสเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดธุรกิจได้ ถ้าหากจะวิเคราะห์หาโอกาสผู้ประกอบการอาจลองตั้งคำถามต่าง ๆ เช่น มีเทรนด์ใหม่ ๆ ในตลาดที่เรายังไม่ได้เข้าถึงหรือไม่? แนวโน้มของตลาดเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของเราหรือไม่? มีทรัพยากรหรือเทคนิคอะไรบ้างที่จะช่วยเพิ่มให้ลูกค้าประทับใจมากขึ้น? ยิ่งผู้ประกอบการมองเห็นโอกาสได้เร็วมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจก้าวไปสู่ความสำเร็จได้มากขึ้นเท่านั้น
● T (Threat) : อุปสรรค
อุปสรรคถือเป็นปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถควบคุมได้ และยังส่งผลกระทบเชิงลบให้กับธุรกิจอีกด้วย ดังนั้นผู้ประกอบการต้องวิเคราะห์ให้รู้ลึกถึงอุปสรรคที่จะมาขัดขวางการดำเนินงานของธุรกิจ อาจลองตั้งคำถามเพื่อวิเคราะห์หาอุปสรรค เช่น คู่แข่งรายใหม่ของเราคือใคร? สภาพแวดล้อมของตลาดเอื้ออำนวยหรือไม่? สถานการณ์บ้านเมืองส่งผลกระทบต่อธุรกิจหรือไม่? มีกฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ที่อาจส่งผลเสียต่อธุรกิจหรือไม่? เมื่อทราบถึงอุปสรรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ผู้ประกอบการก็จะได้เตรียมหาวิธีวางแผนรับมือล่วงหน้าและป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับธุรกิจนั่นเอง
‘การวิเคราะห์SWOT’ ไม่มีเกณฑ์ตัดสินว่าวิเคราะห์ถูกหรือผิด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสามารถในการสังเกตและการตระหนักถึงปัจจัยภายในและภายนอกต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเรา ทั้งปัจจัยที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าการนำหลักการนี้มาวิเคราะห์ จะทำให้เรามองเห็นภาพรวมของธุรกิจตัวเอง ได้มองเห็นถึงจุดแข็งและจุดอ่อนที่เรามีอยู่ ได้รู้ถึงโอกาสและอุปสรรคที่จะต้องเจอ ดังนั้นหากผู้ประกอบการนำ ‘การวิเคราะห์SWOT’ มาประยุกต์ใช้กับการวางแผนหรือวางกลยุทธ์ธุรกิจ ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้มากขึ้น