การซื้อของออนไลน์ เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค ที่เปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่พัฒนามากยิ่งขึ้น รวมถึงสถานการณ์ โควิด-19 ที่ทำให้การซื้อของต่าง ๆ บนหน้าร้านถูกลดความสำคัญลง นั่นจึงทำให้การ ขายของบน e-Marketplace อย่าง Shopee, Lazada, JD Central และอื่น ๆ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่าการที่มีความต้องการซื้อที่เยอะ ก็ทำให้ความต้องการขายเยอะขึ้นตามเช่นกัน การแข่งขันในการ ขายของบน e-Marketplace นั้นจึงสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันทางด้านคุณภาพ, ราคา หรือโปรโมชั่นต่าง ๆ ดังนั้นวันนี้เราจึงรวบรวมเทคนิคดีๆ ในการขายของบน e-Marketplace ให้สามารถเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น โดยมีเทคนิคง่าย ๆ ทั้งหมด 6 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้
1. รูปสินค้า ต้องมีความชัดเจนและสามารถดึงดูดสายตาได้

รูปภาพ เป็นสิ่งสำคัญในการดึงดูดสายตาและสร้างความสนใจให้กับลูกค้าได้ ดังนั้น รูปภาพที่ใช้สื่อสารต้องมี ความสวยงาม ชัดเจน ครบถ้วน และโดดเด่น โดยเฉพาะเวลาที่เราขายสินค้า ที่มีผู้ขายในตลาดเยอะ การขายสินค้าชนิดเดียวกัน หากมีรูปสินค้าที่เหมือนกัน อาจทำให้ต้อง หันมาแข่งขันกันด้วยเรื่องราคา ซึ่งถ้าเรามีต้นทุนที่สูงกว่า ไม่สามารถขายในราคาถูกกว่าได้ ก็จะถือว่าเสียโอกาสในการขายสินค้นชิ้นนั้น ๆ ไปเลย แต่ถ้าหากร้านของเรามีรูปภาพที่โดดเด่น ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัย ที่ทำให้ลูกค้ามองข้ามเรื่องราคา ไปได้นั่นเอง
2. หน้ารายละเอียดสินค้า ต้องมีข้อมูลที่ครบถ้วน

ลูกค้ายุคปัจจุบัน ต้องการความชัดเจนของสินค้า เช่น วิธีการใช้งาน ขนาด ประเภทของวัสดุ น้ำหนัก และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่จะช่วยทำให้เพิ่มความมั่นใจในการเลือกซื้อสินค้า ว่าเป็นสิ่งที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าหรือไม่ ดังนั้นข้อมูลต่าง ๆ ของสินค้าชิ้นนั้น ควรใส่อยู่ในหน้ารายละเอียดสินค้าทั้งหมด โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องสอบถามด้วยตนเอง รวมทั้งยังเป็นการลดการทำงานของแอดมิน และหลีกเลี่ยงเรื่องการตอบแชทช้าได้อีกด้วย
3. ตกแต่งร้านค้า ให้มีความน่าเชื่อถือ

ปัจจุบันนั้น e-Marketplace ต่าง ๆ มีฟังก์ชันให้ใช้มากมาย ไม่เพียงแต่การขายสินค้าในแต่ละชิ้น แต่ยังมีการตกแต่งร้านค้าออนไลน์ให้สวยงาม เสมือนกับมีหน้าร้านอยู่จริง ๆ อย่างเช่น สามารถใส่รูปภาพสินค้า Best Seller, ประวัติของร้านค้า หรือรางวัลต่าง ๆ ที่ร้านค้าได้รับ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้านั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านที่ขายสินค้าที่มีราคาสูง ของแบรนด์เนมต่าง ๆ ยิ่งจำเป็นต้องมีข้อมูลตรงนี้ เพื่อทำให้ลูกค้าสามารถไว้ใจได้นั่นเอง
4. บริการต้องรวดเร็ว ทันใจลูกค้ายุคปัจจุบัน

ร้านค้าต้องเตรียมพร้อมบริการลูกค้าเสมอ ต้องมีการ Active อยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าร้านค้าพร้อมจะให้คำปรึกษาและบริการ นอกจากนี้การตอบแชทลูกค้าให้ไวนั้น ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจ และยังส่งผลไปถึงการประมลผลอัตราการตอบแชทของร้านค้า ที่ e-Marketplace จะนำไปเป็นส่วนนึงในการประเมินประสิทธิภาพ และคะแนนของร้านค้านั่นเอง
5. ใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงจุด เพื่อเพิ่มการมองเห็น

คีย์เวิร์ดเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการขายสินค้าออนไลน์ หากร้านค้าใช้คีย์เวิร์ดไม่ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ อาจส่งผลให้สินค้านั้น ไปแสดงผลในกลุ่มสินค้าคนละประเภทและทำให้ลูกค้าหาสินค้าไม่เจอ ดังนั้นควรค้นหาคีย์เวิร์ดที่คิดว่ากลุ่มลูกค้าของเราจะค้นหาเมื่อต้องการซื้อสินค้า และพยายามเอาคีย์เวิร์ดเหล่านั้น ใส่ลงไปในข้อมูลหรือชื่อสินค้าของเรา เพื่อให้ลูกค้าเจอสินค้าของเราได้ง่ายและถูกมองเห็นมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
6. เข้าร่วมแคมเปญต่างๆ หรือทำโปรโมชั่นเพิ่มเติม

หากช่วงที่ต้องการเพิ่มออเดอร์เป็นพิเศษ หรือเป็นเทศกาลวันสำคัญต่าง ๆ ให้ลองเข้าร่วมแคมเปญกับทาง e-Marketplace นั้น ๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและกระตุ้นยอดขาย เช่น โค้ดส่วนลดแคมเปญ 9.9, โค้ดส่วนลดค่าส่งฟรี หรือ โค้ดส่วนลดสำหรับลูกค้าใหม่เป็นต้น การเข้าร่วมแคมเปญต่าง ๆ นี้ ยังเป็นตัวช่วยในการที่ร้านของเราจะได้เราการโปรโมท และเพิ่มโอกาสการมองเห็นมากขึ้นนั่นเอง
การขายของออนไลน์ หรือขายของบน e-Marketplace ถือเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพและช่วยพ่อค้าแม่ค้าได้อย่างมาก แต่ร้านค้าก็จำเป็นที่จะต้องอัปเดตการใช้งานและเทคนิคต่าง ๆ บน e-Marketplace นั้น ๆ อยู่เสมอ เพื่อทำให้ช่องทางการขายนี้มีประสิทธิภาพ และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการตลาด หรือกำลังมองหาผู้ช่วยในการวางแผนการตลาดออนไลน์
ติดต่อเรา Go Online รวมทั้งเรายังเป็นเอเจนซี่การตลาด ที่ได้รับความไว้วางใจ จาก Platform Online มากมาย
มั่นใจได้เลย ว่าคุณจะได้รับบริการคุณภาพจาก Go Online
ใครที่สนใจ ติดต่อ Go Online มาได้เลย