“ผู้บริโภค” หรือ “ลูกค้า” เป็นตัวแปรสำคัญที่เราจะต้องศึกษา ทำความรู้จักและทำความเข้าใจถึงความต้องการของพวกเขา โดย Generations ของผู้บริโภค ได้ถูกจัดแบ่งโดยช่วงเวลาของการเกิด ซึ่งแต่ละ Generation นั้นก็มีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน ซึ่งเรียกว่า Generation Gap โดยเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นมาจากช่วงเวลาที่เกิด
การรู้จักและเข้าใจความต้องการของคนแต่ละ Generation ถือเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ เราจะทำการตลาดได้ง่ายมากขึ้น เพราะหากเรามีสินค้าหรือบริการที่ดี แต่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการ ก็จะไม่เกิดยอดขายตามมา แต่ถ้าเรารู้จักลูกค้าดีพอ ก็จะเกิดประโยชน์ต่อธุรกิจ ทำให้ง่ายที่จะผลิตสินค้าและบริการที่ดึงดูดใจผู้บริโภค ทำให้ขายได้มากขึ้น เกิดการบอกต่อ และเป็นผู้ภักดีของแบรนด์ในที่สุด
เรามาดูกันเลยว่า ทั้ง 5 Generations มีพฤติกรรมอย่างไรกันบ้าง และเราสามารถทำการตลาดกับคนแต่ละกลุ่มได้อย่างไร
1. Baby Boomer
กลุ่ม Baby Boomer คือ กลุ่มคนที่มีอายุ 54 ปีขึ้นไป สนใจเรื่องเทคโนโลยี เสพสื่อออนไลน์ ร่ำรวยทั้งเงินทองและเวลา มีกำลังซื้อที่สูง รักการท่องเที่ยวอย่างมีข้อมูล ชอบเที่ยวสถานที่แปลก ๆ ชอบดูคอนเสิร์ตวงเก่าๆ โดย Baby Boomer ไม่ค่อยสนใจกับInfluencer รุ่นใหม่ จะให้ความสนใจคนรุ่นราวคราวเดียวกันมากกว่า กลุ่ม Baby Boomer เป็นกลุ่มที่ดูแลสุขภาพ สินค้าที่เหมาะจะลงทุนกับคนกลุ่มนี้ เช่น สินค้าเพื่อสุขภาพ ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต บริการท่องเที่ยว อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ต่าง ๆ รวมถึงอาหารประเภทที่ดีต่อสุขภาพทั้งกายและใจ เช่น Medical food บำรุงป้องกันโรคต่าง ๆ ตามวัย เป็นต้น เป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญต่อการบริการที่บริการด้วยความใส่ใจ หรือประสบการณ์ที่มีความพรีเมี่ยม คือ มองหาสิ่งที่ดีและคุ้มค่าต่อการจ่าย
ธุรกิจที่เจาะกลุ่มนี้อาจจะต้องมีแคมเปญเสริมประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้คนกลุ่มนี้ อีกทั้งกลุ่ม Baby Boomer ยังเป็นกลุ่มที่สร้าง Royalty ได้ เช่น สิทธิสมาชิก ส่วนลด ฯ ยังคงเป็นการทำการตลาดที่ได้ผลสำหรับผู้บริโภคกลุ่มนี้ กลุ่ม Baby Boomers จะเป็นกลุ่มที่ตื่นเช้า ดูข่าวเช้า ถ้าต้องการจะเปิดตัว หรือนำเสนออะไรบางอย่าง แนะนำว่า ตอนเช้าน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม
2. Generation X
กลุ่มนี้จะมีอายุ 38 – 53 ปี คนกลุ่ม Gen X มีจำนวนมากที่สุดในโลก เป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายเงินมากเมื่อเปรียบเทียบกับเจนอื่น มีพลังในการใช้จ่าย ต้องดูแลครอบครัว มีภาระเยอะ จึงมีความรอบคอบในการใช้จ่ายเงินมาก เป็นกลุ่มที่ใช้เงินเป็น แต่อะไรที่จำเป็น ถึงจะแพงแค่ไหน ก็สามารถลงทุนจ่ายได้โดยไม่ลังเล มักจะใช้เงินไปกับการทานข้าวนอกบ้าน เที่ยว ดูหนัง เป็นช่วงวัยที่ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของหน้าที่การงาน ดังนั้นจะให้ความสำคัญกับ Work Life Balance โดย Gen X จะใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการทำงานและธุรกิจ คนกลุ่มนี้กลัวตกข่าว จึงรับข่าวสารทางออนไลน์ผ่านสํานักข่าวที่เป็นทางการและคนใกล้ชิดมาก ส่วนช่วงวันหยุดพักผ่อน Gen X มักใช้เวลากับโซเชียลมีเดีย โดยมีการใช้งานแอปพลิเคชัน LINE มากที่สุด ดังนั้นการทำการตลาดผ่านไลน์กับคนกลุ่มนี้น่าจะได้ผลดี รวมถึง Facebook และการทำ Seeding เพราะคนกลุ่มนี้ชื่นชอบการเข้าไปอ่านบทความที่เป็นเหมือน Community สำหรับการอ่านและแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ กลุ่ม GEN X จะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการแต่ละครั้ง ต้องศึกษาข้อมูลมาแล้ว ชอบอ่านรีวิว ดังนั้นต้องให้ข้อมูลเยอะที่สุด เพื่อประกอบการตัดสินใจ คนกลุ่มนี้ยังยึดแบรนด์โปรดเป็นตัวตัดสินใจด้วย ดังนั้นสำหรับการทำตลาดกับกลุ่ม Gen X การสร้าง Brand Royalty ก็ยังมีความสำคัญ โดยคนกลุ่มนี้นิยมสะสมคูปอง สนใจส่วนลดต่าง ๆ
คนกลุ่มนี้เป็นโอกาสมหาศาลของธุรกิจที่มีกลุ่มเป้าหมาย เป็นคนรักครอบครัว จะมองหานวัตกรรมใหม่ ๆ และบริการที่ช่วยให้เขาประหยัดเวลา หรือเรื่องสุขภาพ ความเป็นอยู่ ธุรกิจที่เหมาะกับการเจาะตลาดกลุ่มนี้ เช่น อสังหาริมทรัพย์ เทคโนโลยีการสื่อสาร สุขภาพ การท่องเที่ยว ยานพาหนะ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังคงมีความชอบที่จะสั่งอาหารประเภท Fast Food อยู่ แต่จะรู้สึกดีหากมีตัวเลือกสุขภาพอยู่ด้วย
3. Generation Y
กลุ่มนี้จะมีอายุ 21 – 37 ปี โดยกลุ่มนี้ Gen Y เป็นกลุ่มคนที่โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี คนวัยนี้จึงมีการใช้อินเทอร์เน็ตสูงที่สุดเมื่อเทียบกับ Gen อื่น ๆ นิยมเสพสื่อสังคมออนไลน์ อาทิ LINE, Facebook, Youtube เป็นต้น เติบโตมาพร้อมกับความสะดวกสบาย มีความเป็นตัวของตัวเองสูง จึงไม่ชอบการถูกบังคับ ดังนั้นสินค้าและบริการที่เหมาะกับคนกลุ่มนี้จะต้องออกมาในรูปแบบที่สะดวกสบาย ทันสมัย ดูดี มีรสนิยม ต้องเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หากเป็นสินค้าที่มีดีไซน์แปลกตา มีแนวโน้มจะถูกถ่ายรูปลงสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ได้ทันที เป็นการช่วยโปรโมทสินค้าไปในตัว คน Gen Y เป็นคนค่อนข้างเบื่อง่าย ดังนั้นสินค้าจะต้องมีช่วงอายุสินค้าที่ไม่ยาวนัก และต้องเปลี่ยนไปตามกระแส ช่องทางการจัดจำหน่ายและบริการหลังการขาย จะต้องอำนวยความสะดวก รวมถึงต้องสร้างความประทับใจ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำและเกิดการบอกต่อ
คนกลุ่มนี้ชอบซื้อของออนไลน์ และ เลือกสินค้าที่ดีที่สุด คุ้มค่าที่สุด เวลาจะตัดสินใจซื้ออะไร ต้องหาข้อมูลอย่างหนัก ทำการเปรียบเทียบข้อมูลดังกล่าวเพื่อให้ได้ตัวเลือกที่ดีที่สุด หรือลองจนตัวเองมั่นใจ แล้วจึงตัดสินใจซื้อ โดยคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมีผลต่อการตัดสินใจซื้ออย่างมาก และด้วยความที่ชอบหาข้อมูลมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจและการเปรียบเทียบนี้เอง การรีวิวสินค้าและการบอกเล่าประสบการณ์จริงจากผู้ใช้สินค้า จึงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าค่อนข้างมาก ดังนั้น การใช้วิธีการตลาดแบบ “ปากต่อปาก” (Word of mouth) มีแนวโน้มได้ผล
จากการที่กลุ่มนี้นิยมใช้สื่อสังคมออนไลน์ ก็เป็นโอกาสที่แบรนด์จะใช้เทคโนโลยี เข้ามาช่วยทำการตลาดได้อย่างเต็มที่ เช่น แอปพลิเคชันที่สามารถใช้งานร่วมกับ บัตรสะสมแต้ม คูปอง และโปรโมชั่นต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งน่าจะสร้างความประทับใจให้ลูกค้ากลุ่มนี้ได้
4. Generation Z
กลุ่มนี้จะมีอายุ 8-20 ปี เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี มีพฤติกรรมชอบหาความสุขหรือสร้างความบันเทิงให้ตนเอง โดยมีกิจกรรมที่นิยมทำ อาทิเช่น ดูหนังหรือซีรีย์ ฟังเพลง เป็นต้น สำหรับกลุ่มนี้จะนิยมเสพสื่อสังคมออนไลน์ ด้วยวัตุประสงค์ที่หลากหลาย เช่น นิยมติดตามข้อมูลข่าวสารผ่าน Twitter นิยมใช้ LINE ติดต่อกับเพื่อน นิยมใช้ Instagram ในการติดตามศิลปิน เป็นต้น
การที่คนกลุ่มนี้นิยมเสพสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z มักจะค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการที่ต้องการด้วยตนเองผ่านระบบอินเทอร์เน็ต รวมทั้งนิยมซื้อสินค้าออนไลน์ จากการที่เข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้เป็นจำนวนมาก ทำให้ช่วงก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้าต่าง ๆ GEN Z จะสามารถศึกษาและหาข้อมูลสิ่งที่ต้องการจากอินเตอร์เน็ต ผู้ประกอบการธุรกิจจึงควรมีการประชาสัมพันธ์สินค้าผ่านทางเว็บไซต์หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและมีข้อมูลของสินค้าอย่างละเอียด แต่มีข้อควรระวัง คือ ไม่ควรการยัดเยียดการขายตรง ๆ เพราะคนในกลุ่มนี้ไม่ชอบการยัดเยียด ทั้งนี้ คนกลุ่มนี้จะชอบเสพคอนเทนต์วิดีโอ และเชื่อถือ Micro Influencer ดังนั้น Micro Influencer จะมีผลต่อการตัดสินใจของคนกลุ่มมาก
แบรนด์ที่จะชนะใจคน Gen นี้ได้ ต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน มีคุณภาพ มีความน่าสนใจและมีความหลากหลาย เพราะคน Gen Z จะมองหาแบรนด์ ที่ทำให้พวกเขาได้มีโอกาสแสดงตัวตนของตัวเอง และสามารถตอบโจทย์ได้ในทุก ๆ ด้าน การสร้างประสบการณ์ที่ดีในตัวแบรนด์ ด้วยวิธีการให้ทดลองสินค้าหรือบริการ ก็ถือว่าเป็นหนึ่งวิธีที่สามารถดึงดูดใจได้เป็นอย่างดีเช่นกัน
5. Generation Alpha
กลุ่มนี้จะมีอายุน้อยกว่า 8 ปี เป็นเด็กที่โตมาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดล้ำรอบตัว ไม่ใช่แค่ Tablet แต่ยังโตมากับ AI และระบบการสั่งการด้วยเสียงหรือ Voice Assistants ที่อยากได้อะไรแค่บอก ไม่ต้องกดหรือพิมพ์หาอีกต่อไป มีการเรียนรู้จาก YouTube จะมองเทคโนโลยีเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ในมุมของนักการตลาด Gen Alpha ยังเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการทำการบ้านอย่างหนัก เพราะนอกจากความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีแล้ว คนกลุ่มนี้ยังมีแนวโน้มจะขี้เบื่อ มีความอดทนต่ำและอารมณ์ร้อน ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากวิวัฒนาการเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกมาตั้งแต่เกิด
คนกลุ่มนี้ถูกปลูกฝังเรื่อง Well-being ตั้งแต่เด็ก ทำให้จะใส่ใจกับอาหารการกินและสุขภาพอย่างมาก เพราะพ่อแม่พวกเขาปลูกฝังนิสัยเหล่านี้มาให้ คนกลุ่ม Alpha นี้ มีอิทธิพลต่อคนเจน Y ที่เป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง ดังนั้น ถ้าอยากเจาะคนกลุ่มนี้ ต้องทำความเข้าใจเจน Y ด้วย โดยต้องสื่อสาร ให้ข้อมูลถึงประโยชน์ที่จะเกิดกับลูก เพราะการตัดสินใจของพ่อแม่ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับลูก ให้ความสำคัญลูกมากที่สุด
ดังนั้น การทำความเข้าใจทั้งในพฤติกรรมและทัศนคติของคนแต่ละ Generations ในมิติต่างๆ เป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญ หากอยากสามารถเข้าถึงและครองใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ถ้าใครอยากรู้ว่าตัวเองอยู่ Generation ไหน ลองมาคำนวณกันได้ในนี้
สนใจบริการจากเรา คลิกที่นี่ หรือกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง