เคยเห็นข้อความเหล่านี้กันไหมคะ “ช้อปเลย” “ชำระเงิน” “ดูเพิ่มเติม” “เพิ่มลงรถเข็น” และอื่น ๆ อีกมากมาย ข้อความประเภทนี้เราสามารถพบเห็นได้บ่อยจากเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่ธุรกิจต้องการให้ลูกค้ามีปฎิกิริยาบางอย่างกับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั่นเอง ซึ่งข้อความประเภทนี้เรียกว่า “Call to action” แล้ว Call to action คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรต่อธุรกิจ Go Online Agency จะมาเล่าให้ฟัง
Call to action คืออะไร
Call to action หรือ CTA คือ คำกระตุ้นการตัดสินใจเพื่อให้ผู้ใช้งานไปสู่ขั้นตอนต่อไป โดยนักการตลาดจะใช้คำเพื่อกระตุ้นให้เกิด Action ต่าง ๆ ตามแคมเปญของการตลาด ซึ่งในแต่ละประเภทธุรกิจจะมีการใช้ Call to action ที่แตกต่างกันไป
ประเภทของ Call to action
Buttons
Buttons หรือปุ่ม ก็เป็น Call to action รูปแบบหนึ่งที่เรามักพบเห็นอยู่บ่อยครั้ง ทั้งบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ เองก็ตาม โดยมักจะใส่ข้อความหรือวลีเพื่อดึงดูดผู้ใช้ให้คลิกเพื่อไปยังหน้าเป้าหมายที่ต้อง รูปแบบหรือดีไซน์ก็จะแตกต่างกันไปตามแบรนด์หรือธุรกิจนั้น ๆ โดยมากมักนิยมสร้างปุ่มที่มีสีคอนทราสต์กับเนื้อหาปก เพื่อให้ผู้ใช้งานมองเห็นได้อย่างโดดเด่นนั่นเอง
Forms
Call to action อีกแบบหนึ่งที่นิยมใช้เพื่อให้นักการตลาดได้ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น เช่น Call to action Submit Forms โดยฟอร์มในรูปนี้ Go Online ก็ใช้งานเช่นเดียวกัน เพื่อทราบข้อมูลหรือความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ทีมงานติดต่อกลับเพื่อเสนอบริการ และโปรโมชั่นต่อไป
Banners
สำหรับการออกแบบแบนเนอร์สำหรับคอนเทนต์ที่มีจุดประสงค์ในการขายสินค้า ก็มักจะใส่ Call to action ที่โดดเด่นสำหรับกระตุ้นผู้ชม และสำหรับการใส่ Call to action บนแบนเนอร์มักนิยมใส่ด้านล่าง หรือด้านข้างของแบนเนอร์ เพื่อดึงดูดให้ผู้ชมกระทำตามจุดประสงค์ของแคมเปญนั้น ๆ ต่อไป
Popup
Popup เป็น Call to action ในหน้าต่างเล็ก ๆ ที่มักปรากฏขึ้นบนหน้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน โดย Popup จะช่วยสร้างความดึงดูดใจใหักับผู้ใช้ได้มากกว่าปกติ แต่ทั้งนี้การใส่ Popup ที่มากเกินหรือ Popup Campaign ที่ไม่เกี่ยวกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันก็จะทำให้เกิด Bouce Rate (การกดย้อนกลับ หรือจากเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น) ให้กับเว็บไซต์ได้เช่นกัน
Call to action ที่ดีเป็นอย่างไร
Call to action ที่ดีและมีประสิทธิภาพควรสั้น กระชับ และชัดเจน และสอดคล้องกับแคมเปญการตลาด นอกจากนี้ CTA ควรวางไว้อย่างโดดเด่นบนหน้าเว็บไซต์หรือโฆษณา เพื่อให้ผู้ใช้งานเห็นง่าย และควรใช้สีที่แตกต่างกับเนื้อหาอื่น ๆ เพื่อให้ CTA โดดเด่นขึ้น ตัวอย่างเช่น
Call to action ที่มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มยอดขาย
- ซื้อเลย
- รับส่วนลด 10%
- ช้อปเลย
- ชำระเงิน
- เพิ่มลงรถเข็น
- สั่งเลย
Call to action ที่มีจุดประสงค์ให้สมัคร หรือรับข่าวสารจากองค์กร
- ดาวน์โหลดฟรี
- สมัครเลย
- Subscribe
- Sign Up
- Get Started
นอกจากนี้ เรายังสามารถเลือกใช้ Call to action ที่กระตุ้นความกระตือรือร้นของผู้ใช้งานได้มากขึ้น เพื่อผู้ใช้เกิดการตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว หรือมีความต้องการในช่วงเวลานั้นทันที ตัวอย่างเช่น
- ซื้อตอนนี้รับส่วนลด 50%
- ค้นหาบ้านในฝันกับเรา
- ข้อเสนอมีเวลาจำกัด รับค่าจัดส่งฟรี
- สั่งซื้อตอนนี้
Call to action มีประโยชน์อย่างไร
1.ช่วยให้ผู้ชมเกิดการกระทำต่อไป เพื่อไปสู่เป้าหมายตามแคมเปญต่าง ๆ ที่ธุรกิจตั้งไว้ เช่น การสมัครสมาชิก การซื้อสินค้า การชำระเงิน การกดส่งข้อมูล เป็นต้น
2.ช่วยกำหนดเส้นทาง Call to action ช่วยให้การใช้งานบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันสามารถทำได้ง่ายขึ้น
3. ลด Bounce rate นักการตลาดหลายคนไม่ชอบ Bounce rate ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์กันเท่าไรนัก เพราะนั่นหมายความว่า Content ที่เรานำเสนออยู่นั้นไม่น่าสนใจ หรือหน้านั้น ๆ ไม่มีเส้นทางอื่น ๆ ให้ผู้ใช้งานไปต่อ การมี Call to action จะสามารถเข้ามาปิดช่องว่างในส่วนนี้ได้
สรุปแล้ว Call to action คือ ข้อความหรือวลีที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้ใช้งานเกิดการกระทำต่อไปตามที่แคมเปญกำหนดไว้ ซึ่งการใช้ข้อความ Call to action ก็จะแตกต่างกันไปตามแคมเปญของธุรกิจ การใช้ Call to action ที่มีประสิทธิภาพ คือ Call to action ที่มีผู้ใช้งานตอบสนอง และทำให้ผู้ใช้เข้าใจในสิ่งที่แบรนด์ต้องสื่อสารออกไปนั่นเอง